บทความนี้จะมารีวิวส่วนฮาร์ดแวร์เบื้องต้นก่อนนะครับ
ผมบังเอิญค้นเจอ ตอนนั้น PinePhone Community Edition มี 2 รุ่น คือ แรม 2GB พร้อมพื้นที่ 16 GB กับ แรม 3GB พร้อมพื้นที่ 32GB (แถม USB-C Docking Bar มาด้วย) ทั้งคู่รันระบบปฎิบัติการ postmarketOS มีฐานเป็น Alpine Linux
ภาพจาก https://store.pine64.org/product/pinephone-community-edition-postmarketos-with-convergence-package-limited-edition-linux-smartphone/ |
ผมจึงจัดรุ่น แรม 3GB พร้อมพื้นที่ 32GB มา ราคา $199 หรือประมาณ 6 พันกว่าบาท ในเว็บระบุว่าทุกการซื้อเขาจะบริจาค $10 ให้กับโครงการ postmarketOS ถือเป็นวิธีสนับสนุน Open Source ตัวนี้ไปในตัว
- Chipset: Allwinner A64
- CPU: 64-bit Quad-core 1.2 GHz ARM Cortex A-53
- GPU: MALI-400MP2
- จอ 5.95 inches ความละเอียด 1440×720 pixels, 18:9 ratio
- แรม 3GB LPDDR3 SDRAM
- เนื้อที่ภายใน 32GB eMMC รองรับ micro SD สูงสุด 2TB
- กล้องหน้า 2MP, f/2.8, 1/5″
- กล้องหลัง 5MP, 1/4″, LED Flash
- มีช่องเสียบหูฟัง
- แบตเตอรี่แบบถอดได้ Li-Po 2750-3000 mAh battery
- WLAN: Wi-Fi 802.11 b/g/n, single-band, hotspot
- Bluetooth: 4.0, A2DP
- GPS: Yes, with A-GPS, GLONASS
- รองรับ LTE ทั่วโลก WCDMA และ GSM (เหมือนจะรองรับเกือบทุกคลื่นในประเทศไทย)
- Sensors: Accelerometer, gyro, proximity, ambient light, magnetometer(compass)
- รองรับ Quick Charge
โดยผมสั่งต้อง Pre-Ober อยู่เกือบเดือน ราคา 199.99 ดอลล่า รวมค่าจัดส่งเป็น 224 ดอลล่า (ใช้ DHL จัดส่ง) จ่ายผ่าน พอจ่ายเสร็จจะได้เมลใบเสร็จและเมลยืนยันมา
พอถึงเวลาส่ง Pine64 จะประกาศบนฟอร์มว่ากำลังส่ง ซึ่งกว่าของจะคีย์เข้าระบบใช้เวลาประมาณ 3 - 4 วัน หลังจากนั้นก็ได้อีเมลจาก DHL ให้จ่ายภาษีนำเข้า 700 กว่าบาท ... ไม่กี่วันก็ได้รับของ
เปิดกล่องออกมา ข้างในจะเป็นกล่องที่มีข้อความ PINE64 postmarketOS พร้อมโลโก้ Pine64 กล่องออกแบบมาได้เท่ห์มาก ๆ โค้ด Python เต็มไปหมด
ข้อมูลรายละเอียดข้างกล่อง PinePhone |
อุปกรณ์ที่มีมาในกล่อง
- คู่มือแนะนำขนาดเล็ก
- PinePhone พร้อมฟิล์มกันรอยติดมาด้วย
- สายชาร์ท
- USB-C Docking Bar
ตัวเครื่องห่อมาอย่างดี
USB-C Docking Bar
สายชาร์ท เป็น USB-C to USB-A (มีตัวแปลงซิมการ์ดด้วย)
ตัวเครื่อง
ข้างหลังตัวเครื่องมีโลโก้ postmarketOS พร้อมข้างใต้ Powered by Linux โดยตัวกล้องมีโลโก้ Pine64 อยู่ข้างกล้อง โดยมีลำโฟนอยู่ข้างหลัง พร้อมกับไมโครโฟนอยู่ที่ใต้เครื่อง
ก่อนที่เราจะเปิดเครื่อง เราต้องแกะฝาหลัง โดยแกะตามล่องข้างตัวเครื่องด้านขวา แล้วหยิบพลาสติกที่ขั้วแบตออกก่อน (PinePhone สามารถเปิดฝาหลังเครื่องและเปลี่ยนแบตได้เองด้วย)
ถ้ามองผ่าน ๆ จะเหมือนคล้าย ๆ กับมือถือทั่วไปที่มีช่องใส่ซิมกับการ์ด micro SD แต่ PinePhone มีสวิตซ์เปิดปิด การทำงานวงจรต่าง ๆ อย่างไมโครโฟน ไวไฟ กล้อง แบบปุ่ม มาด้วย น่าจะใช้ไม้จิ้มฟันเปิดปิดได้เลย
แกะแบตได้ด้วย
แบต เหมือนจะใช้แบต Nokia สมัยก่อนได้ด้วย
เสร็จแล้ว รอให้ postmarketOS ติดตั้งสักครู่
จะเจอหน้า Welcome ของ postmarketOS
ถึงแม้ระบบปฏิบัติการที่มากับเครื่อง PinePhone รุ่นนี้จะเป็น postmarketOS แต่ก็ยังคงสามารถลงระบบปฏิบัติการอื่น ๆ เช่น Ubports (พัฒนาต่อจาก Ubuntu Touch) และอื่น ๆ ได้
สำหรับการรีวิว PinePhone Community Edition รุ่น postmarketOS ส่วนฮาร์ดแวร์ ขอจบลงแค่นี้ :)
สำหรับกล้อง กับการโทร ผมจะรีวิวในส่วนซอฟต์แวร์ต่อไปนะครับ โดยกล้อง ปัจจุบันใน postmarketOS ยังไม่มีแอพที่สามารถถ่ายรูปได้แบบเป็นทางการ (กำลังพัฒนา)
ตอบลบการลง OS มันง่ายเหมือน Linuxไหม แบบลงด้วย *.iso ในอีก device
ลบใช้ microsd ที่ flash โปรแกรมสำหรับ flash ไว้ เสียบกับ PinePhone แล้วต่อสาย usb เข้ากับเครื่อง Linux ครับ จากนั้นเอา .img ลง eMMC ได้เลย รอสักครู่ เท่าที่ทำใน ubuntu สะดวกมากครับ
ลบ